วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เรียนภาษาอังกฤษง่าย ๆ ไม่น่าเบื่อ … ด้วยเพลง

การสอนเป็นบทบาทหน้าที่ของครูอาจารย์ แต่ไม่ใช่ว่าการสอนทุกครั้งของอาจารย์ จะทำให้นักศึกษาเรียนรู้ ได้ตามความคากหวังของผู้สอน เพราะเรื่องการเรียนเป็นบทบาทหน้าที่ของนักศึกษา ถ้านักศึกษาไม่อยากเรียน ไม่สนใจ ต่อให้อาจารย์สอนจนเหนื่อยตาย ก็ไม่สามารถทำให้นักศึกษาเรียนวิชาที่สอนได้ดั่งใจของอาจารย์
เมื่อพูดถึงวิชา "ภาษาอังกฤษ" จัดว่าเป็นวิชาที่ยาก และน่าเบื่อ " สำหรับนักเรียน นักศึกษาจำนวนมาก เวลาอยู่ในห้องเรียน มักสังเกตว่ามีนักศึกษาแอบหลับ หรือ มองออกนอกหน้าต่าง หรือหาอย่างอื่นขึ้นมาเขียน สิ่งเหล่านี้ เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้สอน ต้องกลับมานั่งทบทวนว่า เทคนิคการสอนของตนไม่น่าสนใจ จนทำให้นักศึกษาไม่อยากเรียนหรือเปล่า แต่ถ้าผู้สอนมั่นใจว่า เทคนิคการสอนของตนไม่เป็นรองใครแล้ว ก็ถึงคราวที่จะต้องตระหนักแล้วว่า กำลังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า นั่นคือ จะทำอย่างไรดี จึงจะเรียกคะแนนความสนใจจากนักศึกษาลับมาได้ วิธีที่สามารถดึงความสนใจผู้เรียนอย่างได้ผลก็คือ การเอาภาษาอังกฤษเข้ามาเสริมจากสิ่งที่ผู้เรียนมีความสนใจอยู่แล้ว ทำให้ได้ความสนุกเพลิดเพลิน จนเกิดการเรียนรู้ไปเองโดยไม่อยากหยุดเรียน วิธีที่น่าจะเป็นประโยชน์วิธีหนึ่งคือ การนำเอาเพลงเข้ามาเป็นสื่อการเรียนการสอน นอกจากจะสามารถสร้างความสนใจได้แล้ว ประโยชน์อีกอย่างที่จะได้รับจากการเรียนภาษาอังกฤษจากเพลงคือ ผู้เรียนจะได้เก็บเกี่ยวความรู้ด้านวัฒนธรรมตะวันตก โดยไม่ต้องลงทุนเดินทางไปยังต่างประเทศเอง

จะเห็นว่าวัยรุ่นไทย ส่วนใหญ่เริ่มชอบฟังเพลงสากลมากขึ้น ซึ่งเพลงสากลเองก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่แตกต่างไปจากเพลงไทยเรา ส่วนจะฟังรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่ความสนใจเป็นทุนเดิม ผสมกับการฝึกฝนเพิ่มเติม วิธีฝึกอาจจะมีหลายระดับ ผู้เรียนเท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่า ตนเองกำลังอยู่ในระดับใด ขอเปรีบบเทียบวิธีการเรียนและฝึกภาษาอังกฤษกับสิ่งใกล้ตัวคือระดับการศึกษา เริ่มจากระดับประถม เป็นการเรียนจากเพลงช้า ๆ ฟังง่ายใช้ศัพท์ไม่ยาก เช่น เพลงเด็ก หรือเพลงประกอบการ์ตูน เช่น เพลงประกอบการ์ตูนเรื่อง The Lion King; I just can't wait to be King ท่อนหนึ่งบอกว่า

--- I'm gonna be a mighty king, so enemies beware!
I've never seen a king of beasts with quite so little hair ---

ผู้เขียนใช้การบรรยายลักษณะเข้ามาช่วย ให้เกิดมโนภาพของลูกสิงห์โตตัวน้อย ๆ ที่ยังไม่ค่อยมีขนมากนัก แต่อยากเบ่งเป็นเจ้าป่า (mighty king) ใครที่ได้ดูการ์ตูนเรื่องนี้คงจินตนาการตามได้ การบรรยายนี้ช่วยทำให้สัตว์ที่ดุร้าย น่ากลัว อย่างสิงห์โต ดูน่ารักไปอีกแบบ
เมื่อเริ่มมีความมั่นใจระดับหนึ่งแล้ว ก็เข้าสู่ระดับมัธยม เป็นการเรียนจากเพลงที่มี เนื้อหา ความหมาย และ ศัพท์ที่ยากขึ้น เช่น เพลง pop ลองมาเริ่มฝึกอีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งนำมาจากท่อนหนึ่ง ในเพลง A Groovy Kind of Love ของ Phil Collins

--- When I'm feeling blue, all I have to do is take a look at you
then I'm not so blue ---

คำว่า "blue" ในเพลงไม่เกี่ยวข้องกับสีฟ้าเลยแม้แต่น้อย แต่หมายถึง ความเศร้าใจ ทำให้เรารู้ว่า "blue" เป็นคำที่มีความหมายแฝงอยู่ในตัวด้วย
และเมื่อเริ่มเข้าใจมากขึ้น ก็สามารถเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย ด้วยการเรียนจากเพลงที่ต้องอาศัยความเข้าใจ และ การตีความ ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น เพลง pop เพลง classic เพลง rock ยุคใหม่ ๆ ที่มีจังหวะเร็วขึ้น ลองดูอีกสักหนึ่งตัวอย่าง ที่เป็นเพลงที่ต้องอาศัย ความเข้าใจในความหมายของคำ และการใช้คำ ตัวอย่างนี้นำมาจากท่อนหนึ่งในเพลง Candle in the Wind ที่ Elton John ประพันธ์เพื่อเจ้าหญิงไดอาน่าที่สิ้นพระชนม์ไป

--- Your candle burned out long before your legend ever did---

บางครั้ง เราจะสังเกตว่านักประพันธ์เพลงหลาย ๆ คน ใช้การเปรียบเปรย เข้ามาช่วยสร้างอรรถรถของเพลง ให้น่าฟังขึ้น ไพเราะขึ้น และมีความหมายที่ลึกซึ้งมากขึ้น ในเพลงนี้ ได้นำเอา เทียน เข้ามาเปรียบเสมือนเป็นชีวิต ชีวิตหนึ่ง ที่แม้จะลาจากโลกนี้ไปแล้ว (burned out) แต่เรื่องราวชีวิตหรือตำนาน (legend) จะยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนอีกมากมายตลอดไป
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ ที่สามารถทำได้ไม่ว่าผู้เรียนจะอยู่ที่ไหน แต่ต้องไม่ลืมว่า ภาษาอังกฤษสามารถเรียนรู้ได้ พร้อม ๆ กับความสนุกเพลิดเพลิน เมื่อรู้เทคนิคเช่นนี้ ใครจะนำไปประยุกต์ใช้กับ การดูหนัง ดูละคร ก็ไม่ว่ากัน แล้วจะพบว่า ภาษาอังกฤษไม่ใช่วิชาที่ยากและน่าเบื่ออีกต่อไป

http://www.hu.ac.th/academic/article/Eng/siriton.htm  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น