วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความในใจที่อยากให้สมาชิกทุกท่านได้รับทราบครับ


วันนี้มีกำลังใจที่พี่น้องที่เข้ามาฝึกฝนภาษาอังกฤษได้เข้ามา Comment  และเริ่มมีผู้สนใจสมัครเข้ามาเป็นสมาชิก 5 ท่าน คือเป็นตัวผมลองสมัคร เพราะเขียนแล้วก็อยากลองดูว่ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง อีกคนเป็น ร.อ.หญิงมาศสุภา หรือคนที่โรงเรียนข่าวทหารบกเรียกว่าผู้กองแนน  ผมเป็นคนบังคับให้สมัคร เพราะเขียนเสร็จมาเกือบเดือนยังมีสมาชิกเพียงแค่คนเดียวคือตัวผมเอง จึงไม่แน่ใจว่ามันจะ work หรือเปล่า และที่น่าดีใจก็มีสมัครเพิ่มมาอีก 3 ท่านที่ทราบก็เป็นกำลงัพลที่กองฯ ก็เป็นเชิงบังคับให้เข้ามาเรียน แต่อีกสองท่านไม่แน่ใจว่าเคยเจอกันหรือเปล่าอาจจะเป็นลูกศิษย์ หรือก็กำลังพลในกรมข่าวทหารบก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าระบบการสมัครสมาชิกมัน work และถือว่าเป็นกำลังใจที่ดีมากเช่นกัน ก็ขอเป็นกำลังใจให้สมาชิกทุกท่านในการฝึกฝนภาษาอังกฤษให้ต่อเนื่องและเราก็มาฝึกไปพร้อมกันถ้ามีสมาชิกมากขึ้นไม่แน่อาจจะเชิญมาพบปะสังสรรค์กันในโอกาสต่อไปก็ได้ครับ และกำลังใจที่ดีมากอีกสิ่งหนึ่งสำหรับมือใหม่ของการเขียน web blog  คือมี comment เข้ามา 2 comment  ซึ่งก็เป็นสิ่งพิสูจน์ว่า web นี้ใช้งานได้ดีพอสมควร  เพราะหลังจากที่เจ้ากรมข่าวทหารบกท่านได้สั่งการในที่ประชุมประจำเดือนเมื่อ ต้นเดือน  ต.ค.54 ผมก็เริ่มลงมือเขียน web นี้ขึ้นมาใช้เวลาเขียนประมาณ 2 สัปดาห์ ในการค้นหาแหล่งข้อมูลในการเรียนภาษาอังกฤษและนำมาข้อมูลประกอบการเขียน web ในช่วงเริ่มต้นก็เงียบมากจึงไม่แน่ใจว่ามันจะทำงานได้ผลหรือเปล่า ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ให้กำลังใจ ถ้ามีผู้เสนอแนะมาด้วยก็จะดีมากเลย เพราะจะทำให้คนเขียนมีโจทย์ให้แก้ไขไดตามความต้องการผู้ที่สนใจในการพัฒนาตนเองให้มีทักษะภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น
ผมอยากจะแนะนำช่องทางในการเรียนที่สนุกสนานอีกช่องทางหนึ่งโดย ผม link ไว้ที่ English Resources เป็นบทเรียนที่


วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประสบการณ์การฝึกภาษาอังกฤษของผม.....


วันนี้ผมได้เช็คสถิติของผู้เข้ามาใช้เว็บ int-english2.blogspot.com หรือเว็บสำหรับการฝึกภาษาอังกฤษของโรงเรียนข่าวทหารบก เป็นที่น่ายินดีมากเพราะการเข้ามาใช้แล้วถึง 500 ครั้ง จริงอยู่ผมอาจจะเข้ามาใช้บ่อยเพราะต้องเข้ามาแก้ไขปรับปรุงให้หน้าต่างของเว็บนั้นน่าใช้มากขึ้น มีเนื้อหาที่น่าติดตาม ไม่เคร่งเครียดเกินไปนัก ซึ่งผลของการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมานั้น มีเพื่อนๆหลายท่านให้ความสนใจและติดต่อมาเพื่อขอรายละเอียดของสิ่งที่น่าสนใจ ก็พยายามจัดหาให้ตามขีดความสามารถที่พอจะมีได้  อย่างไรก็ตามผมเองก็ยังต้องฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการฝึกฟังจาก VOA และการฝึกอ่านเพื่อให้มีความคุ้นเคยกับการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่งมีข้อดีสำหรับผู้ที่เริ่มฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ เพราะการฝึกจาก VOA นั้นจะฟังง่าย เพราะการอ่านบทจะช้าทำให้การฝึกฝนทำได้อย่างไม่น่าเบื่อจนเกินไป จากการประเมินด้วยตนเองก็คิดว่าได้ผล เพราะปัจจุบันก็สามารถที่จะฟังข่าวจาก CNN หรือ BBC ได้ดียิ่งขึ้น การฝึกอ่านก็น่าจะทำให้ปากกับสมองสัมพันธ์กันมากขึ้น  หมายถึงว่า เมื่อก่อนผมไม่เคยฝึกแบบนี้ เมื่อได้ฟังแล้วคิดว่าจะอ่านตามแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ แต่เมื่อได้ฝึกบ่อยจนเกิดความเคยชินมาสักระยะแล้วก็สามารถที่จะอ่านตามได้ดียิ่งขึ้น

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ช่องทางใหม่ในการเรียนรู้ภาษาที่มีประสิทธิภาพจาก Bangkok Post

วันนี้ผมอยากจะแนะนำผู้ที่สนใจในการพัฒนาภาษาอังกฤษ ลองใช้ช่องทางนี้ดู...การเรียนจากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ซึ่งผมจัดไว้เป็นหน้าต่างโดยเฉพาะเลยครับ เพราะผมรู้สึกว่ามัน Work มาก เพราะนอกจากจะได้รับทราบข่าวสารที่ทันสมัยแล้ว  ยังได้พบกับศัพท์ที่เป็นที่นิยมในการใช้ในการเขียนข่าว พร้อมทั้งการอธิบายคำศัพท์และตัวอย่างในการใช้งานไปพร้อมๆกัน  ยังไม่พอครับผู้เรียนยังสามารถฟังเสียงอ่านจากเจ้าของภาษา  หากต้องการฝึกพูดก็สามารถพูดตามเสียงอ่านได้ทันทีผมทดลองมาหลายสำนักแล้วครับ...แต่สำนักนี้ตรงกับความ้องการผมจริงๆ ครับ ลองใช้ดูนะครับถ้ามีความคิดเห็นดีก็ส่งข่าวมาแจ้งได้ทุกเมื่อ...เชิญสนุกสนานกับการเรียนรู้ได้เลยครับ

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ศัพท์ที่นิยมใช้ในสถานการณ์น้ำท่วม

จากวิกฤติอุทกภัยของไทยที่กำลังประสบอยู่ในช่วงนี้ทำให้พ่อแม่พี่น้องต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส สถานีข่าวต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น CNN หรือ BBC ให้ความสนใจในการเข้ามาทำข่าวในไทย และมีหลายครั้งที่ได้ยินผู้อ่านข่าวใช้ศัพท์คำว่า flood ในการอ่านข่าว คำนี้ออกเสียงว่า ฟลัด และแปลว่า น้ำท่วม มีตัวอย่างการใช้งาน ดังนี้ครับ 

There is a flood in Khorat. (ในโคราชมีน้ำท่วม)
You cannot drive to Singburi because of floods. (คุณไม่สามารถขับรถไปสิงห์บุรีเนื่องจากน้ำท่วม)
คำว่า flood นี้ใช้ในรูปกริยาได้ซึ่งแปลว่า ท่วม เช่น
Water from the nearby river flooded the road. (น้ำจากแม่น้ำที่อยู่ใกล้ท่วมถนน)
The bathroom is flooding! (ห้องอาบน้ำกำลังท่วมอยู่)
แต่ถ้าเป็นรูปกริยาก็มักจะใช้ในรูป passive voice หรือ to be flooded ซึ่งหมายถึง ถูกน้ำท่วม เช่น
The city is flooded. (เมืองถูกน้ำท่วม)

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีการเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้จิตใต้สำนึก How To Learn English Subconsciously

หลังจากที่ผมเพียรพยายามพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอยู่หลายปี ด้วยการสมัครเรียนตามสถาบันต่างๆ รวมทั้งการเดินทางไปเรียนหลักสูตรสั้นๆที่ต่างประเทศ ผลการของการฝึกฝนยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าใดนัก จะเห็นได้จากผลการสอบ ALCPT ที่ ยศ.ทบ.ยังมีคะแนนเฉลี่ยที่ 75-80% และที่สำคัญยังไม่สามารถพัฒนาทักษะการพูดได้เลย การฟังก็ยังไม่ดีเพราะลองฟังข่าว CNN แล้วยังสรุปไม่ได้เลยว่าเค้าต้องการสื่ออะไร  จากสิ่งที่เห็นแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาภาษาอังกฤษของผมที่ผ่านมาน่าจะไม่ถูกที่ถูกทางเป็นแน่แท้...แต่ก็ยังหาวิธีที่ดีและเหมาะสมกับตัวเองมากกว่านี้ไม่ได้

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โครงสร้างประโยคที่ไม่ยากอย่างที่คิด

Sentence  ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้น มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก ทั้งรูปแบบโครงสร้างประโยค   การเรียงประโยค  จึงอาจทำให้ผู้ที่เข้าใจภาษาไทย  สามารถเรียนรู้และเข้าใจภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว

            ก่อนที่จะได้ทำการจำแนกแบ่งซอย Sentence(ประโยค) ขอนำคำนิยามความหมายที่ปรากฏอยู่ในพจนานุกรมหลายเล่มมาประมวลเอาไว้พอสังเขปดังนี้

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การฝึกใช้ภาษาอังกฤษที่บ้านให้ใช้งานได้

       ผมเป็นเด็กบ้านอกที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเอาเสียเลย จำได้ว่าตอนสอบเข้าโรงเรียนเสนาธิการทหารบกเมื่อปี 2539 จำไม่ได้ว่ามีสอบกี่ข้อ แต่ที่แน่ๆตอนที่เลือกคำตอบยังไม่รู้เลยว่าเลือกไปเพราะอะไร แต่ก็นั่นแหละด้วยความที่อยากจะเก่งภาษาอังกฤษ จึงพยายามที่จะตั้งใจเรียนเพื่อเลือกบรรจุในหน่วยที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ จนสามารถบรรจุที่กรมข่าวทหารบก ซึ่งเป็นหน่วยที่กำลังพลต้องเก่งภาษาอังกฤษ จุดนั้เป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนภาษาอังกฤษตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบันผมยังต้องฝึกฝนภาษาทุกวันอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อผมมีโอกาสได้เข้าเรียนด๊อกเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งนิสิตทุกคนต้องสอบให้ผ่านภาษาอังกฤษและเป็นด่านสำคัญที่หลายคนต่างหวาดกลัวกับความยากของภาษาอังกฤษ จากข้อมูลที่ทราบมาว่ามีรุ่นพี่หลายคนต้องพ้นสภาพของการเป็นนักศึกษาเพราะสอบภาษาอังกฤษไม่ผ่าน ทั้งที่วิทยานิพนธ์ผ่านแล้ว
        ดอกผลการฝึกฝนผมได้เชยชมเมื่อมีโอกาสได้สอบภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครั้งแรก เมื่อ 16 ต.ค.54 ที่ผ่านมา ก่อนสอบไม่ค่อยได้เตรียมตัว เพราะมีงานเข้ามามากเหลือเกินทั้งงานราษฎร์คือต้องเลี้ยงลูกที่มีอายุไม่ถึง 4 เดือน และงานหลวงที่มีเป็นจำนวนมากจากสถานการณ์น้ำท่วมขณะที่สอบก็มีความรู้สึกว่าพอทำได้ และเมื่อประกาศผลสอบเมื่อ 25 ต.ค.54คน  จากจำนวนคนที่สอบ จำนวน  198  คน มีคนที่ผ่านเพียง 8 คน และผมเองก็เป็นหนึ่งในแปดที่ผ่าน.....

      ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่เก่งภาษาอังกฤษ คุณต้องไปอยู่ในประเทศเจ้าของภาษาใช่หรือไม่ ? ไม่จำเป็นเลย ! ผมีวิธีที่จะบอกว่า ท่านสามารถปรับปรุงทักษะทางภาษาอังกฤษของคุณโดยที่คุณไม่ต้องออกจากบ้านเลยได้อย่างไร ! หลักการนี้ผมไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่สิ่งที่ผมทำอยู่นั้นมันสอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญทางภาษาที่ได้เขียนไว้บนโลกอินเตอร์เน็ตผมจึงขอยืมมาใช้ซึ่งถ้าท่านใดอยากจะค้นคว้าเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จาก URL ท้ายเรื่องนี้ครับ ขั้นตอนที่สำคัญในการฝึกฝนภาษาอังกฤษที่บ้านพอสรุปได้ดังนี้ครับ

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิธีการฝึกทักษะการอ่าน (Reading Skill)

     การฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ มีความสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปแก้ปัญหาต่างๆ ได้การเรียนรู้ทักษะการอ่านแบบต่าง ๆ ได้แก่ การอ่านแบบ skimming, scanning และ speed reading เมื่อรู้เทคนิคการอ่านแล้ว ผู้เรียนควรเริ่มฝึกโดยการอ่านเรื่องที่น่าสนใจเรื่องสั้นๆ ให้ผู้เรียนได้ทำการศึกษาและตีความหมายจากการอ่านได้ อย่างเข้าใจ

วิธีการฝึกการอ่านภาษาอังกฤษ

หากเราต้องการฝึกฝนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษได้ง่าย ๆ โดยอาจเริ่มต้นจากการอ่านป้ายโฆษณา หรือ Billboard ต่างๆ ตามข้างถนนที่เราเห็นโดยทั่วไป ลองอ่านและทำความเข้าใจว่าคำต่าง ๆ ว่าโฆษณานั้น ๆ พยายามสื่ออะไรให้เรา จากการอ่านข้อความสั้น ๆ ก็เริ่มอ่านบทความที่ยาวขึ้น เช่น หากชอบอ่านข่าวสาร อาจเริ่มต้นจากการอ่านบทความในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ โดยอาจเริ่มจากระดับไม่สูงมากนัก เช่น Student weekly เป็นต้น หรือหากชอบอ่านนิตยสาร ก็ลองหานิตยสารภาษาอังกฤษจำพวก Hello, Elle มาอ่านก็ได้ หากชอบอ่าน นวนิยาย หรือการ์ตูน อันนี้ขอแนะนำว่าควรเริ่มอ่านจาก นวนิยาย หรือวรรณกรรมเยาวชนสำหรับเด็กอายุ 7-9, 10-12, teenagers, จนถึงสำหรับผู้ใหญ่ (adult fictions)

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เรียนภาษาอังกฤษง่าย ๆ ไม่น่าเบื่อ … ด้วยเพลง

การสอนเป็นบทบาทหน้าที่ของครูอาจารย์ แต่ไม่ใช่ว่าการสอนทุกครั้งของอาจารย์ จะทำให้นักศึกษาเรียนรู้ ได้ตามความคากหวังของผู้สอน เพราะเรื่องการเรียนเป็นบทบาทหน้าที่ของนักศึกษา ถ้านักศึกษาไม่อยากเรียน ไม่สนใจ ต่อให้อาจารย์สอนจนเหนื่อยตาย ก็ไม่สามารถทำให้นักศึกษาเรียนวิชาที่สอนได้ดั่งใจของอาจารย์
เมื่อพูดถึงวิชา "ภาษาอังกฤษ" จัดว่าเป็นวิชาที่ยาก และน่าเบื่อ " สำหรับนักเรียน นักศึกษาจำนวนมาก เวลาอยู่ในห้องเรียน มักสังเกตว่ามีนักศึกษาแอบหลับ หรือ มองออกนอกหน้าต่าง หรือหาอย่างอื่นขึ้นมาเขียน สิ่งเหล่านี้ เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้สอน ต้องกลับมานั่งทบทวนว่า เทคนิคการสอนของตนไม่น่าสนใจ จนทำให้นักศึกษาไม่อยากเรียนหรือเปล่า แต่ถ้าผู้สอนมั่นใจว่า เทคนิคการสอนของตนไม่เป็นรองใครแล้ว ก็ถึงคราวที่จะต้องตระหนักแล้วว่า กำลังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า นั่นคือ จะทำอย่างไรดี จึงจะเรียกคะแนนความสนใจจากนักศึกษาลับมาได้ วิธีที่สามารถดึงความสนใจผู้เรียนอย่างได้ผลก็คือ การเอาภาษาอังกฤษเข้ามาเสริมจากสิ่งที่ผู้เรียนมีความสนใจอยู่แล้ว ทำให้ได้ความสนุกเพลิดเพลิน จนเกิดการเรียนรู้ไปเองโดยไม่อยากหยุดเรียน วิธีที่น่าจะเป็นประโยชน์วิธีหนึ่งคือ การนำเอาเพลงเข้ามาเป็นสื่อการเรียนการสอน นอกจากจะสามารถสร้างความสนใจได้แล้ว ประโยชน์อีกอย่างที่จะได้รับจากการเรียนภาษาอังกฤษจากเพลงคือ ผู้เรียนจะได้เก็บเกี่ยวความรู้ด้านวัฒนธรรมตะวันตก โดยไม่ต้องลงทุนเดินทางไปยังต่างประเทศเอง

เทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษที่ใครๆก็ทำได้

เทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษ ที่ผมใช้ได้ผลกับตัวเอง

ถ้าหากจะให้ผมแนะนำการฝึกภาษา ผมก็คงต้องบอกก่อนว่า เทคนิคของแต่ละคนนั้น ไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่เป็นเพียงแนวทางที่แต่ละคนได้ทดลองใช้แล้วและได้ผลดีกับตัวเอง

การที่ได้ผลดีกับคนๆ นึง ไม่ได้แปลว่าจะได้ผลกับทุกๆ คน วิธีนึงอาจจะดีสำหรับคนนึง แต่กับคนอื่นอาจะจไม่ได้ผลก็ได้ ดั้งนั้ง ผมคงจะถือว่าเป็นการบอกเล่าถึงวิธีการของผมว่าผมทำอย่างไรบ้าง แล้วลองทำดู ถ้าได้ผลดีก็เอาไปใช้ครับ ถ้าเห็นว่าไม่ดี ไม่เหมาะกับตัวเอง ก็ลองพัฒนาเทคนิคที่ตัวเองชอบ และประยุกต์ใช้ให้เห็นผลจริงครับ

ตอนมาเรียนใหม่ๆ ผมทำงานแค่สามวัน ดังนั้นก็จะมีเวลาฝึกฝนอยู่พอสมควร สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมใช้กับตัวเองและได้ผลค่อนข้างดี